กล้วย!!!อร่อยดีมีประโยชน์


กล้วย ผลไม้ที่คนไทยเห็นชินตามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะฤดูไหนก็สามารถหามากินได้ จนหลายครั้งที่เรากินเพราะความอร่อยโดยไม่รู้คุณประโยชน์มากมายที่ซ่อนอยู่
ทั้งที่กล้วยถือเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งคาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินก็มีครบ ทั้งวิตามินเอ บี อี ซี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ป้องกันมะเร็งแถมยังช่วยคลายเครียด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปรตีนสามารถใช้เป็นอาหารสุขภาพสำหรับเด็กและคนทุกเพศทุกวัยได้
ยิ่งกว่านั้น“กล้วย”ยังถือเป็นผลไม้ที่ช่วยคลายสารพัดปัญหาและโรคภัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างสำหรับคนที่มีกลิ่นปากกวนใจ เพียงแต่กินกล้วยสุกหลังตื่นนอนแล้วจึงค่อยแปรงฟัน ทำอย่างนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ กลิ่นปากก็จะหายไป ขณะที่ส่วนต่างๆ ของกล้วย ไม่ว่าจะกินแบบผลสุก ผลดิบ กินหยวกกล้วยหรือปลีกล้วย ก็ยังให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้จะเห็นว่าในตำราอาหารไทยโบราณ“กล้วย”มักถูกเลือกใช้ในสำรับทั้งอาหารหวานคาวและของว่าง
ข้อมูลจากหนังสือบันทึกของแผ่นดินเล่มที่ 6 สมุนไพรท้องไส้ในวิถีอาเซียน ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า กล้วยมีคุณประโยชน์มากๆ ในการคลายสารพัดปัญหาในช่องท้อง มีงานวิจัยที่พบว่ากล้วยสามารถรักษาโรคกระเพาะได้ผลน่าพอใจ เนื่องจากกล้วยจะกระตุ้นให้ผนังกระเพาะสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น เยื่อเมือกนี้จะปิดแผลทำให้แผลหายเร็ว ผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะจะมีอาการดีขึ้น กระเพาะแข็งแรงขึ้นโอกาสเป็นแผลก็น้อยลง แต่ไม่ไปลดกรดอันจะไปทำลายกลไกธรรมชาติของร่างกาย จนทำให้เกิดความแปรปรวนของธาตุในร่างกาย ดังนั้น กล้วยจึงเป็นทั้งยารักษาและป้องกันโรคกระเพาะในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ กรดอะมิโนทริปโตเฟนที่มีอยู่ในกล้วยยังสามารถเปลี่ยนเป็นซีโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้เกิดอาการผ่อนคลาย อารมณ์ผ่องใส และรู้สึกมีความสุข ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าความเครียดเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ดังนั้นการกินกล้วยจึงเท่ากับเป็นการรักษาโรคกระเพาะแบบองค์รวมเลยทีเดียว
ส่วน กล้วยดิบ นั้น สังเกตง่ายๆ กล้วยที่เพิ่งเริ่มสุกเปลือกยังมีสีเขียวอยู่ประปรายนั้น เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมากสำหรับคนท้องเสีย เนื่องจากในกล้วยดิบ มีสารที่เรียกว่าแทนนินช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปทำลายผนังกระเพาะลำไส้ แก้ท้องเสีย นอกจากนี้ยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ เพิ่มกากเวลาถ่าย และมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ดังนั้น การใช้กล้วยแก้ท้องเสียเท่ากับให้ธาตุโพแทสเซียมชดเชยกับที่สูญเสียไปเวลามีอาการท้องร่วง ถ้าร่างกายสูญเสียโพแทสเซียมไปมากๆ จะทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ ในคนชราอาจทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้
ขณะที่ กล้วยสุกงอม ได้ชื่อว่ามีฤทธิ์ช่วยระบายอย่างดีเนื่องจากมีเพกตินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยเพิ่มกากให้กับลำไส้ เมื่อผนังลำไส้ถูกดันก็จะทำให้รู้สึกอยากขับถ่าย นอกจากนี้ ยังมีเส้นใยที่ร่างกายไม่ย่อย เรียกว่า อินูลิน ซึ่งเป็นอาหารที่เหมาะกับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ หรือโปรไบโอติกส์ ซึ่งทำหน้าที่ปรับระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามด้วยความที่กล้วยน้ำว้าสุกมีฤทธิ์ระบายไม่แรงมาก จึงต้องกินเป็นประจำวันละ5-6ลูกติดต่อกันอย่างน้อย7วัน จึงจะเห็นผล โดยสังเกตได้ว่าอุจจาระจะเป็นสีเหลือง ไม่มีกลิ่นเหม็น เนื่องจากการทำงานของโปรไบโอติกส์นั่นเอง อีกทั้งกล้วยยังช่วยหล่อลื่นในการขับถ่าย จึงไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก และรู้สึกว่าถ่ายออกหมดไม่เหลือกากตกค้าง
หยวกกล้วยอ่อน หรือแกนในต้นกล้วยอ่อน ถือเป็นผักพื้นบ้านที่พบในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีสานและภาคใต้ หยวกกล้วยประกอบด้วยเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเส้นใยเหล่านั้นจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรก สารพิษตามลำไส้ สิ่งที่ไม่สามารถย่อยได้ และยังช่วยกระตุ้นลำไส้ให้บีบตัวดันของเสียนั้นออกมา ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่สารพิษเหล่านั้นจะไปก่อให้เกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง
ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

 
Copyright © 2016. We Love Phanatnikhom.
Design by Herdiansyah Hamzah. & Distributed by Free Blogger Templates
Creative Commons License